WSOL ผลประกอบการไตรมาส 2/2568 ฟื้นตัวต่อเนื่อง EBITDA บวก อยู่ที่ 63.7 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 181.5% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา พร้อมเปิดกลยุทธ์สร้างการเติบโตครึ่งปีหลัง 68 สร้างการฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป จาก 3 กลุ่มธุรกิจหลัก เดินหน้าปรับโครงสร้าง คุมต้นทุน เจรจาเจ้าหนี้ และจำหน่ายสินทรัพย์ จับมือพันธมิตรเพิ่มโอกาสรับงาน มุ่งเน้นธุรกิจมีศักยภาพ สร้างกำไร ปั๊มกระแสเงินสด
นายอิทธิชัย พูลวรลักษณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิว เอส โอ แอล จำกัด (มหาชน) หรือ WSOL เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 2 ปี 2568 ปรับตัวดีขึ้น บริษัทมีรายได้รวม 545.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนที่มีรายได้รวม 504.8 ล้านบาท จำนวน 40.4 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 8.0% และขาดทุนสุทธิ 478.2 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาสก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 1,427.4 ล้านบาท จำนวน 949.2 ล้านบาท ขณะที่ผลประกอบการครึ่งปีแรก 2568 มีรายได้รวม 1,050.1 ล้านบาท และขาดทุนสุทธิ 1,905.6 ล้านบาท ซึ่งส่วนมากมาเกิดจากรายการที่มาจากการปรับโครงสร้างบริษัทที่เป็น One time
โดยเป็นผลจากความสามารถในการทำกำไรที่ดีขึ้น จาก 3 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ กลุ่มธุรกิจโซลูชันทางการเงิน (Financial Solutions), กลุ่มธุรกิจโซลูชันสำหรับธุรกิจ (B2B Solutions) และกลุ่มธุรกิจโซลูชันหรับผู้บริโภค (B2C Solutions) ที่กลับมาดำเนินงานต่อได้ตามปกติ และสามารถรับงานเพิ่มขึ้นจากพันธมิตรรายใหญ่
อีกทั้งการให้ความสำคัญกับมาตรการควบคุมต้นทุนทางการเงิน การปรับโครงสร้างองค์กรที่ดำเนินมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงปี 2567 จนถึงปัจจุบัน ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน สะท้อนให้เห็นจากกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อม และค่าตัดจำหน่าย (Operating EBITDA) อยู่ที่ 63.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 181.5% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา ซึ่งเป็นไปตามแผนการดำเนินงานที่ตั้งเป้าไว้
ขณะที่ผลขาดทุนส่วนมากยังมาจากรายการที่ไม่ใช่เงินสด (non-cash items) อาทิ การตั้งสำรอง การด้อยค่าในเงินลงทุนสินทรัพย์ต่างๆ และลูกหนี้การค้า ในส่วนของงบกำไรขาดทุนจากธุรกิจหลัก ดีขึ้น 66.5% และงบกำไรขาดทุนรวม ดีขึ้น 80.1% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา
นอกจากนี้บริษัทได้จำหน่ายหุ้นใน Sabuy Money เมื่อเดือนเม.ย. 2568 มูลค่า 129.1 ล้านบาท พร้อมรับรู้กำไรจากการขาย มูลค่า 80.9 ล้านบาท เพื่อปรับพอร์ตการลงทุนให้เน้นธุรกิจหลัก และได้อนุมัติการเพิ่มทุนใน บริษัท พลัส เทค อินโนเวชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ PTECH เพื่อเสริมสภาพคล่องสนับสนุนการดำเนินงาน รวมถึงดำเนินการขายกิจการในเครือ เพื่อลดภาระและเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ทุน ควบคู่กับการเดินหน้ามาตรการควบคุมต้นทุนในทุกหน่วยธุรกิจ ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นยังคงอยู่ในระดับแข่งขันได้
อย่างไรก็ตาม เพื่อรักษาสภาพคล่องและเสริมความมั่นคงทางการเงิน บริษัทได้เดินหน้าเจรจากับสถาบันการเงิน และเจ้าหนี้อย่างใกล้ชิด เพื่อปรับโครงสร้างหนี้ให้สอดคล้องกับกระแสเงินสดของบริษัท โดยบริษัทเชื่อว่าหากการเจรจาลุล่วงไปได้ด้วยดี จะช่วยเสริมสภาพคล่องและสนับสนุนการฟื้นตัวทางธุรกิจได้อย่างมีนัยสำคัญ
ทั้งนี้ บริษัทได้วางแผนขับเคลื่อนธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลัง 2568 ผ่าน 3 กลยุทธ์หลัก คือ
1. เสริมสภาพคล่องและลดภาระหนี้ ด้วยการปิดการเจรจาปรับโครงสร้างหนี้กับสถาบันการเงินที่เหลือ และดำเนินการขายสินทรัพย์ที่ไม่ใช่ธุรกิจหลักเพิ่มเติม
2. เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน ผ่านมาตรการควบคุมต้นทุนในทุกกลุ่มธุรกิจ และเพิ่มการใช้ระบบ AI Automation เข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน รวมถึงการใช้ข้อมูลเชิงวิเคราะห์ (Data Analytic) เพื่อปรับกลยุทธ์การขายและการให้บริการ
3. ขยายธุรกิจในกลุ่มศักยภาพสูง ด้วยการลงทุนต่อยอดในธุรกิจที่มีการเติบโตของรายได้และ EBITDA ชัดเจน อาทิ PTECH, Prompt Speed, Love Prompt และ WSOL Solutions รวมถึงการพัฒนาแพลตฟอร์มและบริการเสริมจากฐานลูกค้าเดิม โดยมีเป้าหมายในการนำธุรกิจของบริษัทในเครือเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เพื่อสร้างมูลค่าให้แก่ธุรกิจและรองรับการเติบโตอย่างยั่งยืน
4. การขายสินทรัพย์ที่ไม่ใช่ธุรกิจหลัก (Non-Core Asset) โดยบริษัทยังคงมุ่งเน้นในเรื่องการจัดโครงสร้างการดำเนินธุรกิจที่ชัดเจน ผ่านการใช้สินทรัพย์ที่มีให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อนำกระแสเงินสดจากการขายมาสนับสนุนการดำเนินงานของกลุ่มธุรกิจที่มีศักยภาพ
“ขณะนี้บริษัทยังคงอยู่ระหว่างการปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ โดยทีมผู้บริหารและพนักงานทุกคนยังคงทุ่มเททำงานอย่างเต็มที่ เพื่อสร้างรากฐานที่มั่นคงให้กับ WSOL และบริษัทในเครือ ซึ่งการขาดทุนลดลงในไตรมาสนี้สะท้อนให้เห็นถึงผลลัพธ์เชิงบวกจากแผนการดำเนินงานที่ได้วางไว้ ซึ่งคาดว่าหากปรับโครงสร้างเสร็จสมบูรณ์ บริษัทจะสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน
โดยในครึ่งปีหลัง 2568 บริษัทได้วางเป้าหมายการดำเนินงานที่มุ่งเน้นการสร้างกระแสเงินสดจากการดำเนินงานให้เป็นบวกอย่างต่อเนื่อง พร้อมวางรากฐานที่มั่นคงเพื่อกลับไปสู่ความสามารถในการทำกำไร (Net Profit) ภายในปี 2569” นายอิทธิชัย กล่าว