“SHARGE” จับมือ “Lalamove” ชวนไดรเวอร์ใช้รถ EV ลดต้นทุน ลดคาร์บอน

​​​​​​​​​SHARGE ตอกย้ำเบอร์ 1 ผู้ให้บริการด้านการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าครบวงจร เปิดมุมมองเปลี่ยนผ่านรถรับส่งผู้โดยสาร แท็กซี่ รถขนส่งสินค้า และรถ Delivery กว่า 10,000 คัน สู่ EV ภายในปี 2030 หลังธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์ไทยโตต่อเนื่อง ย้ำ EV ช่วยไดเวอร์ลดต้นทุนค่าเชื้อเพลิง พร้อมลดคาร์บอนได้ 185,680 ตันต่อปี ขับเคลื่อนเป้าหมาย Net Zeroขององค์กร ชู EV Fleet Solutions ช่วยธุรกิจใช้ EV ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ล่าสุด จับมือLalamoveเป็นพาร์ทเนอร์สถานีชาร์จไฟฟ้ารายแรกพื่อสนับสนุนไดเวอร์ใช้ EV เตรียมนำร่องใช้ Tier System ยิ่งวิ่งยิ่งถูกกับสิทธิ์ชาร์จราคาพิเศษตามสถานะสมาชิก สำหรับไดเวอร์ส่งของทั่วกรุงเทพฯ-ปริมณฑล

นายพีระภัทร ศิริจันทโรภาส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท ชาร์จ แมเนจเม้นท์ จำกัด ผู้ให้บริการสถานีชาร์จภายใต้แบรนด์ RÊVERSHARGER และผู้นำด้านการให้บริการชาร์จยานยนต์ไฟฟ้าแบบครบวงจร เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตอย่างยั่งยืน กล่าวว่า ธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์ในประเทศไทยมีการเติบโตอย่างรวดเร็วโดยเฉพาะธุรกิจขนส่งพัสดุที่มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องทุกปี จนปัจจุบันมีมูลค่าตลาดราว 107,000 ล้านบาทขณะที่ข้อมูลจากสถิติกรมขนส่ง ระบุว่า ปัจจุบันมีรถในธุรกิจโลจิสติกส์ และขนส่งพัสดุทั้งหมด 1,253,228 คันเป็นยานยนต์ไฟฟ้า (EV) จำนวน 673 คัน หรือประมาณ 0.05% ของรถทั้งหมด ส่วนธุรกิจรับส่งผู้โดยสาร แท็กซี่ และ Delivery มีทั้งหมด 77,288 คัน เป็น EV รวม 2,251 คัน หรือคิดเป็น 2.91%

รถยนต์ทั่วไปปล่อยคาร์บอนเฉลี่ย 211 กรัมคาร์บอน ต่อระยะทาง 1 กิโลเมตร หากธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์ในไทยเปลี่ยนมาใช้ EV จะช่วยลดการปล่อยคาร์บอนได้มหาศาล ในฐานะผู้นอันดับ 1 ที่ให้บริการด้านการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าแบบครบวงจร SHARGE จึงมุ่งมั่นี่จะส่งเสริมให้ไดเวอร์ที่ให้บริการรับส่งผู้โดยสาร แท็กซี่ ขนส่งพัสดุ และ Delivery ทั่วประเทศ เปลี่ยนผ่านสู่การใช้ EV เพิ่มขึ้น 10,000 คัน ภายในปี ค.ศ. 2030 (พ.ศ.2573) ผ่านการจับมือกับเครือข่ายพันธมิตร Green Logistics หลายราย เพื่อช่วยให้ประเทศไทยเปลี่ยนผ่านสู่การใช้ EV ได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน โดยคาดว่าจะช่วยลดปริมาณคาร์บอนได้ 185,680 ตันต่อปี ยิ่งกว่านั้น ยังช่วยลดค่าต้นทุนเชื้อเพลิงได้เฉลี่ย 175 บาทต่อระยะทาง 100 กิโลเมตร ซึ่งจะช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของไดเวอร์ด้วยนายพีระภัทร กล่าว

ทั้งนี้ ที่ผ่านมา SHARGE ได้เปิดตัว EV Fleet Solutions” โซลูชันสำหรับบริหารจัดการฟลีทยานยนต์ไฟฟ้าแบบครบวงจรเป็นรายแรกในไทย เพื่อช่วยให้องค์กรที่ใช้ยานพาหนะเดินทางและขนส่งจำนวนมากสามารถเปลี่ยนผ่านมาใช้ EV ได้สะดวกและมีประสิทธิภาพ โดยดูแลตั้งแต่วางแผนเส้นทาง ติดตั้งสถานีชาร์จ EV ลดขั้นตอนหน้าสถานีชาร์จ เพิ่มช่องทางการชำระเงินให้หลากหลายมากขึ้น ผ่านบัตร EV Fleet Card ที่มีเทคโนโลยี RFID ช่วยให้แตะจ่ายได้รวดเร็ว และ Digital Charging Credit บนแอปพลิเคชันใช้ชำระค่าบริการได้ทันที พร้อม Management System ซอฟต์แวร์ช่วยติดตามการใช้พลังงานของรถทุกคัน และวางบิลได้อัตโนมัติ ช่วยให้องค์กรธุรกิจควบคุมต้นทุนค่าใช้จ่ายได้สะดวกยิ่งขึ้น ทั้งยังเตรียมต่อยอดระบบคำนวณ Carbon Credit สนับสนุนการทำงานด้าน ESG และการบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์(Net-Zero GHG Emissions)

ล่าสุด ชาร์จ แมเนจเม้นท์ ได้เป็นพาร์ทเนอร์ผู้ให้บริการสถานีชาร์จ EV รายแรกที่ร่วมกับบริษัท ลาลามูฟ อีซี่แวน (ประเทศไทย) จำกัด หรือ Lalamove แพลตฟอร์มให้บริการขนส่งแบบ On-Demand ในการส่งเสริมให้ไดเวอร์ของ Lalamove เปลี่ยนมาให้บริการด้วยรถ EV ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อช่วยไดเวอร์ลดต้นทุนค่าพลังงาน พร้อมขับเคลื่อนเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อมของ Lalamove มุ่งลดการปล่อยคาร์บอน เพื่อขับเคลื่อนสู่เป้าหมาย Net-Zero GHG Emissions ภายในปี ค.ศ. 2040 โดยเฟสแรกของ Lalamove EV ได้มอบคูปองส่วนลด 50 บาท สำหรับการชาร์จไฟฟ้าที่สถานี RÊVERSHARGERให้แก่ไดเวอร์ที่ใช้ EV ขณะที่เฟสถัดไป จะนำร่องใช้โปรแกรม Tier System ซึ่งเป็นระบบจัดสถานะสมาชิกตามจำนวนรอบรับงานสะสม เพื่อรับสิทธิ์ชาร์จในราคาพิเศษให้แก่ไดเวอร์ที่ให้บริการส่งของทั่วกรุงเทพฯและปริมณฑล

ทั้งนี้ SHARGE ยังคงเดินหน้าขยายความร่วมมือกับพันธมิตรกลุ่ม Green Logistics อย่างต่อเนื่อง เพื่อขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านสู่ EV ในประเทศไทยได้อย่างยั่งยืน ซึ่งคาดว่าจะเปิดเผยรายละเอียดได้เร็วๆ นี้

#ชาร์จแมเนจเม้นท์ #SHARGE #RÊVERSHARGER #EV #NetZero #สิ่งแวดล้อม #Delivery #โลจิสติกส์