นายดำรงชัย วิภาวัฒนกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้อำนวยการ บริษัท เคซีจี คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ KCG ผู้นำด้านผลิตภัณฑ์อาหารเพื่อโมเดิร์นไลฟ์สไตล์ สัญชาติไทย เปิดเผยผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2568 มียอดขาย 1,896.2 ล้านบาท เติบโต 12.3% และมีกำไรสุทธิ 99.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และสำหรับรอบระยะเวลา 6 เดือน ปี 2568 บริษัทฯ มียอดขาย 3,932.7 ล้านบาท เติบโต 13.2% และมีกำไรสุทธิ 221.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกัน ของปีก่อน แม้ต้นทุนวัตถุดิบปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยยอดขายเติบโตจากทุกช่องทางการจำหน่าย มั่นใจครึ่งปีหลัง ยังสามารถรักษาโมเมนตัมการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง หลังราคาวัตถุดิบเริ่มทรงตัว และยังคงบริหารจัดการต้นทุนการผลิตและค่าใช้จ่ายการดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
หลังจากสหรัฐอเมริกาได้กำหนดอัตราภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) สำหรับสินค้าจากประเทศไทยในอัตรา 19% ซึ่งอยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศอื่นในภูมิภาค จึงคาดว่าประเทศไทยจึงจะยังสามารถรักษาความสามารถในการแข่งขันไว้ได้ ทั้งนี้ แม้ยังมีความไม่แน่นอนจากมาตรการ Reciprocal Tariffs แต่คาดว่าผลกระทบต่อบริษัทฯ
จะค่อนข้างจำกัด เนื่องจากบริษัทฯ ไม่มีการส่งออกสินค้าไปที่สหรัฐอเมริกา รวมถึงยังมีโอกาสในการนำเข้าวัตถุดิบ หรือสินค้าสำเร็จรูปจากสหรัฐอเมริกาเพิ่มขึ้น ในกรณีที่อัตราภาษีนำเข้าลดลงจนต้นทุนการนำเข้ามีความเหมาะสม ช่วยเพิ่มทางเลือกในการจัดหาวัตถุดิบและสินค้าที่สามารถแข่งขันในตลาดได้มากขึ้น
บริษัทฯ ได้ยกระดับการพัฒนาด้านความยั่งยืนให้เป็นหนึ่งในกลยุทธ์หลักขององค์กร และดำเนินธุรกิจภายใต้การกำกับดูแลกิจการที่ดี ควบคู่ไปกับการสร้างคุณค่าร่วมกับผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่มในระยะยาว ส่งผลให้บริษัทฯ ได้รับรางวัลสำคัญด้านความยั่งยืนจากหน่วยงานต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยรางวัลสำคัญด้านความยั่งยืน ในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 ได้แก่ (1) ได้รับคัดเลือกให้เป็นหนึ่งในบริษัทกลุ่มหลักทรัพย์ ESG100 ที่มีการดำเนินงานโดดเด่น ด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (Environmental, Social and Governance: ESG) ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 โดยสถาบันไทยพัฒน์ (2) ได้คะแนนการประเมินคุณภาพการจัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 100 คะแนนเต็ม จากสมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย (Thai Investors Association) ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 (3) ผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ ได้รับรางวัล Superior Taste Awards ซึ่งเป็นรางวัลที่เป็นสัญลักษณ์แห่งความเป็นเลิศด้านรสชาติที่ยอมรับในระดับสากลจากสถาบัน International Taste Institute Brussel ประเทศเบลเยี่ยม สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนาคุณภาพสินค้า รวมถึงความใส่ใจในสุขภาพและความพึงพอใจของผู้บริโภค และ (4) ได้รับการรับรอง HALAL BPJPH (Halal Indonesia) ซึ่งเป็นมาตรฐาน HALAL ที่ประเทศอินโดนีเซียบังคับใช้ สะท้อนถึงการดำเนินงานที่ใส่ใจในมาตรฐานความปลอดภัยทางอาหาร และเคารพความหลากหลายทางวัฒนธรรมและศาสนา ตอกย้ำความสำเร็จในการเป็นผู้นำด้านผลิตภัณฑ์อาหารเพื่อโมเดิร์นไลฟ์สไตล์สัญชาติไทย ซึ่งมีความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและสังคมอย่างยั่งยืน นายดำรงชัยสรุป