
ทั้งนี้ การลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิของ GPSC กำหนดแผนงานไว้ 4 แนวทาง ได้แก่
แนวทางที่ 1 ลดการใช้เชื่อเพลิงฟอสซิล (Reduce Fossil Fuel Usage) โดยกำหนดแผนปรับปรุงประสิทธิภาพโรงไฟฟ้าที่ใช้เชื้อเพลิงหลัก เพื่อลดการปล่อยคาร์บอนฯ บริษัทฯ จะใช้แนวทางการบริหารจัดการเลือกการเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพ โดยใช้เทคโนโลยี AI เพื่อวางแผนการเดินเครื่องโรงไฟฟ้าให้มีประสิทธิภาพสูงสุด โดยเน้นความสำคัญของหน่วยผลิตที่มีประสิทธิภาพดีที่สุด ซึ่งจะเลือกการเดินเครื่องโรงไฟฟ้านั้นอย่างเต็มกำลังการผลิต เพื่อให้เกิดการใช้เชื้อเพลิงที่มีประสิทธิภาพ แนวทางที่ 2 เพิ่มสัดส่วนพลังงานหมุนเวียน (Grow Renewables) GPSC มีแผนการขยายธุรกิจพลังงานหมุนเวียนอย่างต่อเนื่อง ซึ่ง GPSC ประสบความสำเร็จอย่างสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศอินเดียผ่านการลงทุนในบริษัท Avaada Energy Private Limited หรือ AEPL ผ่านสัดส่วนการถือหุ้นที่ร้อยละ 42.93 ที่มีกำลังการผลิตเติบโตจาก 3.7 กิกะวัตต์ สู่ 20.6 กิกะวัตต์ เพิ่มขึ้น 5.5 เท่าในระยะเวลาเพียง 3.8 ปีนับจากเริ่มลงทุน โดยปัจจุบันมีกำลังการผลิตที่ดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้วกว่า 5.1 กิกะวัตต์ ส่งผลให้บริษัทฯ มีพอร์ตการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดเกินกว่า 50% เร็วกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้ในปี 2573 และยังคงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องสำหรับแนวทางที่ 3 เสริมสร้างความแข็งแกร่งด้านโครงสร้างพื้นฐาน (Enhance Infrastructure) GPSC ได้ร่วมมือกับ Doosan Enerbility Co, Ltd. ผู้เชี่ยวชาญในงานวิศวกรรมก่อสร้างโรงไฟฟ้าและผลิตอุปกรณ์กระบวนการผลิต จากสาธารณรัฐเกาหลีใต้ ศึกษาการนำกรีนแอมโมเนียมาใช้ร่วมกับเชื้อเพลิงหลัก (Fuel Shifts & Hybridization) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิง และการดักจับและกักเก็บคาร์บอนฯ (Carbon Capture and Storage) หรือ CCS

นอกจากนี้ ยังศึกษาการผลิตไฟฟ้าและไอน้ำจากโรงไฟฟ้าชีวมวล (Biomass) ด้วยการจัดหาวัตถุดิบทางการเกษตร หรือวัสดุเหลือใช้ให้เพียงพอในการป้อนเป็นเชื้อเพลิงให้กับโรงไฟฟ้า ทั้งในประเทศและการนำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้าน รวมทั้งการนำโซลูชั่นพลังงานปลอดคาร์บอนฯ (Carbon Free Energy Solutions) อื่นๆ เพื่อลดการปล่อยคาร์บอนฯ ในกระบวนการผลิตไฟฟ้าและไอน้ำในโรงไฟฟ้าประเภทต่างๆ พร้อมกันนี้ ยังได้ร่วมมือกับบริษัท Saltfoss (เดิมชื่อ Seaborg Technologies) ประเทศเดนมาร์ค ในการศึกษาความเป็นไปได้ในการพัฒนาเทคโนโลยีโมดูล่าร์ขนาดเล็ก (Small Modular Reactor) หรือ SMR เนื่องจากเป็นเทคโนโลยีที่ถูกพัฒนาขึ้นเป็น GEN ที่ 4 เป็นพลังงานสะอาดที่มีความปลอดภัยสูง ในกรณีที่เกิดภาวะฉุกเฉิน สามารถใช้หลักธรรมชาติลดความร้อนจากแท่งเชื้อเพลิงได้ดี เพื่อนำมาทดแทนโรงไฟฟ้าที่ใช้เชื้อเพลิงหลัก ตอบสนองภาคการผลิตที่ต้องการไฟฟ้าและไอน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่ง GPSC พร้อมศึกษารายละเอียดและรอความชัดเจนจากนโยบายภาครัฐในการเดินหน้าพัฒนาโครงการ SMR ที่จะพิจารณาอยู่ในแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศ (PDP) ของประเทศ
นอกจากนี้ ยังได้ศึกษาความเป็นไปได้ในโครงการลดคาร์บอนฯ ในพื้นที่มาบตาพุด ร่วมกับ ปตท. เพื่อศึกษาการใช้ไฟฟ้าพลังงานสะอาดในพื้นที่มาบตาพุดทั้งหมด เนื่องจากผู้ประกอบการจำเป็นต้องมีเป้าหมายในการลดการปล่อยคาร์บอนฯ เพื่อเตรียมพร้อมกับกฎเกณฑ์การเปลี่ยนแปลงของโลก ไม่ให้กระทบกับภาคส่งออก
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ บริษัทฯ อยู่ระหว่างหาแนวทางผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้น เพื่อสนับสนุนพลังงานสีเขียวในแผนการส่งเสริมการลงทุน Data Center ในไทย ทั้งนี้ GPSC ยังได้ศึกษาการกักเก็บพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบความร้อนด้วย Molten Salt Heat Storage เพื่อผลิตพลังงานความร้อนป้อนโรงงานอุตสาหกรรม สนับสนุนให้ลูกค้าอุตสาหกรรมเข้าถึงพลังงานความร้อนสีเขียว นับเป็นส่วนหนึ่งในแนวทาง Maptaphut Decarbonization Power ทั้งนี้ ในส่วนแผนการลงทุนด้านนวัตกรรมพลังงานแห่งอนาคต ได้ร่วมมือกับ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ศึกษาและพัฒนาเทคโนโลยี CCUS (Carbon, Capture, Utilization & Storage) หรือการดักจับคาร์บอนฯ มาใช้ประโยชน์ในระยะยาวท้ายสุด แนวทางที่ 4 กิจกรรมซื้อขาย ชดเชยคาร์บอนฯ (Trading/Offsets) ได้แก่ การรับซื้อคาร์บอนฯ การออกใบรับรองการผลิตพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy Certificate หรือ REC) เพื่อตอบสนองความต้องการคาร์บอนฯ และจัดหาให้กับลูกค้า รวมถึงโครงการปลูกป่าที่ตั้งเป้าหมายไว้ 10,000 ไร่ เป็นต้น