DRT ประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2568 รายได้รวม 1,223.81 ล้านบาท เดินหน้ากลยุทธ์ครึ่งปีหลังเพิ่มยอดขายตลาดส่งออก

DRT ประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2568 รายได้รวม 1,223.81 ล้านบาท ชี้พื้นฐานแกร่งแม้เศรษฐกิจชะลอตัว เตรียมเสนอบอร์ดเคาะจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลตอบแทนผู้ถือหุ้น เดินหน้ากลยุทธ์ครึ่งปีหลังเพิ่มยอดขายตลาดส่งออก

บมจ.ผลิตภัณฑ์ตราเพชร หรือ DRT เผยผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2568 ทำรายได้รวม 1,223.81ล้านบาท และกำไรสุทธิ 96.56 ล้านบาท ชะลอตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัวชัดเจนและราคาวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้น วางกลยุทธ์ครึ่งปีหลังรุกเพิ่ยอดขายจากการส่งออกในอาเซียนที่เป็นตลาดหลัก เตรียมเสนอบอร์ดพิจารณาจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล ตอกย้ำจุดเด่นผลตอบแทนจากเงินปันผล

นายสาธิต สุดบรรทัด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ผลิตภัณฑ์ตราเพชร จำกัด (มหาชน) หรือ DRT ผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าระบบหลังคา ไม้สังเคราะห์และบอร์ดไฟเบอร์ซีเมนต์ บอร์ดตกแต่งผนัง อิฐมวลเบา บริการติตั้ง
โครงหลังคาสำเร็จรูปและกระเบื้องหลังคา พื้น บันได และผนังพร้อมบริการติดตั้ง ‘SPC Solutions’ แบบครบวงจร ภายใตเครื่องหมายการค้า ตราเพชรเปิดเผยถึงาพรวมผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2568 (เมษายนมิถุนายน) บริษัทฯ ได้มุ่งเน้นขยายตลาดส่งออกและทำการตลาดเชิงรุกภายในประเทศ เพื่อขยายตลาดใหม่และขยายฐานลูกค้าสู่จังหวัดเมืองรอง อย่างไรก็ตาม จากสถานการณ์เศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัวชัดเจน ภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้างยังคงชะลอตัว อัตราหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง ตลอดจนราคาวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้นซึ่งเป็นปัจจัยที่อยู่เหนือการควบคุมส่งผลต่ออัตรากำไรขั้นต้น จึงทำให้บริษัทฯ มีรายได้รวม 1,223.81 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 96.56 ล้านบาท ชะลอตัวเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ส่วนภาพรวมผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกของปี 2568 (มกราคม มิถุนายน) บริษัทฯ ได้เปิดตัวสินค้าใหมที่เป็นนวัตกรรมพร้อมบริการในรูปแบบโซลูชัน เพื่อตอบโจทย์ความต้องการก่อสร้างและปรับปรุงอาคารและที่อยู่อาศัย ส่งผลให้สามารถรักษาอัตราการเดิเครื่องจักรเฉลี่ยอยู่ที่ 80% อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ มีรายได้รวม 2,585.20 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 202.68 ล้านบาท ชะลอตัวเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากกำลังซื้อของผู้บริโภคชะลอตัวและต้นทุนวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้น

ขณะที่ภาพรวมตลาดวัสดุก่อสร้างและตกแต่งภายในประเทศครึ่งปีหลัง มีความท้าทายจากปัจจัยต่างๆ เช่น สถานการณ์เศรษฐกิจและกำลังซื้อผู้บริโภคที่คาดว่ายังคงชะลอตัวหรือฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป รวมถึงความไม่สงบ
แนชายแดน บริษัทฯ จึงวางแผนเชิงรุกมุ่งเพิ่ยอดขายจากการส่งออกสินค้าในภูมิภาคอาเซียนที่เป็นตลาดหลักอย่างต่อเนื่อง อาทิ ฟิลิปปินส์, เมียนมา, เวียดนาม, สปป.ลาว ฯลฯ ซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพและเศรษฐกิจกำลังเติบโต โดยมีแผนนำเสนอสินค้ากลุ่มอิฐมวลเบาและแผนพื้น SPC เพื่อเพิ่มยอดขาย

ทั้งนี้ บริษัทฯ มุ่งรักษาจุดเด่นในการเป็นหุ้นปันผลที่ให้ผลตอบแทนที่ดีแก่ผู้ถือหุ้น ประกอบกับฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งและอัตราหนี้สินต่อทุน ณ สิ้นไตรมาส 2/2568 ที่อยู่ในระดับต่ำ 0.77 เท่า จึงเตรียมเสนอคณะกรรมการบริษัทฯ เพื่อพิจารณาการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลแก่ผู้ถือหุ้น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *