บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ยกระดับการดำเนินงานด้านความยั่งยืนต่อเนื่องผ่านโครงการ “Green Hub”ภายใต้โครงการ “ไปรษณีย์เชื่อมสุข” ด้านสิ่งแวดล้อม พร้อมประกาศเจตนารมณ์ความร่วมมือกับหน่วยงานพันธมิตรที่มีอุดมการณ์เดียวกันในการร่วมขับเคลื่อนแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียนในระดับประเทศ ผ่านการส่งมอบ “กล่องไปรษณีย์เชื่อมสุข” ซึ่งเป็นกล่องรีไซเคิลจากพัสดุใช้แล้ว ภายใต้แคมเปญ reBOX Ep.5 ปี 2567 ให้แก่ สภากาชาดไทย ศูนย์บริการภายใต้สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) และโรงพยาบาลศิริราช เพื่อนำไปบรรจุยาและเวชภัณฑ์แก่ผู้ป่วยและผู้ประสบภัยทั่วประเทศ
ดร.ดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด กล่าวว่า ด้วยศักยภาพเครือข่ายที่มีครอบคลุมทั่วประเทศ ไปรษณีย์ไทยจึงมีบทบาทสำคัญในการเชื่อมโยงประชาชน ชุมชน และภาคธุรกิจ-องค์กร อีกทั้งเป็นช่องทางสำคัญเพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนในกิจกรรมเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้นที่ผ่านมาจึงได้ดำเนินแคมเปญ “reBOX” อย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2563 และได้ยกระดับสู่โครงการ Green Hub ภายใต้แนวคิด “ไปรษณีย์เชื่อมสุข” เพื่อเปิดพื้นที่ให้ประชาชนสามารถนำส่งวัสดุใช้แล้วเข้าสู่กระบวนการจัดการอย่างถูกต้องตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน ครอบคลุมการรับวัสดุหลากหลายประเภท ตั้งแต่กล่อง ซองกระดาษ ซองไปรษณีย์พลาสติก กันกระแทก (พลาสติก PE) ขวดน้ำพลาสติก (พลาสติก PET) กล่องอาหารพร้อมทาน (พลาสติก PP) อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และอะลูมิเนียมไม่ใช้แล้ว ซึ่งเป็นการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนในการดูแลสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นรูปธรรม
ภายใต้การดำเนินงานของแคมเปญ reBOX Ep.5 ในปีล่าสุด ไปรษณีย์ไทยได้จัดทำ “กล่องไปรษณีย์เชื่อมสุข” เพื่อนำไปใช้บรรจุยาและเวชภัณฑ์ ซึ่งจะส่งมอบกล่องรีไซเคิลดังกล่าวให้แก่หน่วยงานที่ทำหน้าที่ดูแลสุขภาพประชาชน ได้แก่ สภากาชาดไทย ศูนย์บริการภายใต้สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) และโรงพยาบาลศิริราช เพื่อสนับสนุนภารกิจในการจัดส่งยาและเวชภัณฑ์ไปยังกลุ่มผู้ป่วยที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกล และผู้ประสบภัย รวมถึงผู้ที่ไม่สามารถเข้าถึงบริการทางการแพทย์ได้อย่างสะดวก และช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายด้านบรรจุภัณฑ์ให้กับหน่วยงานสาธารณสุข
“เพื่อเป็นการสานต่อความมุ่งมั่นด้านสิ่งแวดล้อม พร้อมตอกย้ำบทบาทของไปรษณีย์ไทยในฐานะองค์กรรัฐวิสาหกิจที่มีพันธกิจเพื่อสังคม และเป็นจุดศูนย์กลางการเชื่อมโยงความสุขอย่างยั่งยืนทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ไปรษณีย์ไทยได้ผนึกกำลังกับหน่วยงานพันธมิตรในโครงการ Green Hub กับ 6 หน่วยงาน ได้แก่ บริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) บริษัท ทีพีบีไอ จำกัด (มหาชน) บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) กรมควบคุมมลพิษ และ บริษัท เอ็ชเอ็มซีโปลิเมอร์ จำกัด ร่วมกันประกาศเจตนารมณ์ในการสนับสนุนระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ด้วยการรวบรวมวัสดุใช้แล้วจากประชาชนและภาคส่วนต่าง ๆ เข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลอย่างมีระบบ”
ดร.ดนันท์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบัน โครงการ Green Hub สามารถรวบรวมวัสดุใช้แล้วจากประชาชนได้มากกว่า 680,000 กิโลกรัม และมีส่วนช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้มากกว่า 12,387.29 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า และมีเป้าหมายร่วมกันในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และสร้างระบบเศรษฐกิจหมุนเวียนที่ยั่งยืนในระดับประเทศ ทั้งนี้ ไปรษณีย์ไทยขอเชิญชวนประชาชนร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงสิ่งแวดล้อมที่ดี ด้วยการนำวัสดุใช้แล้วหรือเหลือใช้กลับเข้าสู่ระบบรีไซเคิล ผ่านจุดรับของที่ทำการไปรษณีย์ใกล้บ้าน เพื่อร่วมกันลดปริมาณขยะ และสร้างวงจรเศรษฐกิจสีเขียวที่เข้มแข็งให้กับประเทศไทยในระยะยาว
“ไปรษณีย์ไทย ยังคงยืนหยัดเป็นองค์กรที่มุ่งมั่นพัฒนาอย่างยั่งยืน ด้วยหลักคิด ESG+E อย่างต่อเนื่อง พร้อมเดินหน้าพัฒนาโครงการ Green Hub อันเป็นสิ่งที่พิสูจน์ถึงความมุ่งมั่นและความตั้งใจของไปรษณีย์ไทยในการเชื่อมโยงความสุข สร้างคุณค่าใหม่จากสิ่งของเหลือใช้ และส่งต่อการดูแลไปยังทุกภาคส่วนในสังคมอย่างแท้จริง” ดร.ดนันท์ กล่าวทิ้งท้าย