ตามที่ปรากฏข่าวเกี่ยวกับความตึงเครียดในพื้นที่ชายแดนระหว่างราชอาณาจักรไทยและราชอาณาจักรกัมพูชา โดยเฉพาะในจุดที่มีรายงานการเคลื่อนไหวของกำลังทหารและการเพิ่มระดับความรอบคอบทางยุทธศาสตร์ ซึ่งส่งผลให้พลเรือนในราชอาณาจักรไทยได้รับความเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย อนามัย และทรัพย์สิน นั้น
สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย(สำนักงาน คปภ.) ขอเรียนว่า เพื่อบรรเทาความเสียหายที่พลเรือนได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าว จึงขอให้บริษัทประกันภัยที่รับประกันภัยเร่งสำรวจความเสียหาย และหารือกับบริษัทประกันภัยต่อเกี่ยวกับแนวทางการตีความเงื่อนไขกรมธรรม์ประกันภัยให้ชัดเจน เพื่อพิจารณาการชดใช้ ค่าสินไหมทดแทนโดยเร็ว ซึ่งในเบื้องต้น สำนักงาน คปภ. เห็นว่าเหตุการณ์ดังกล่าวยังไม่เข้าข่ายคำว่า “สงคราม (war)” ในข้อยกเว้นตามกรมธรรม์ประกันภัย
อย่างไรก็ดี หากบริษัทเห็นว่าเข้าข้อยกเว้นอื่นใดเพิ่มเติม ที่จะไม่คุ้มครองตามเงื่อนไขกรมธรรม์ประกันภัยก็ต้องพิจารณาถ้อยคำตามกรมธรรม์ประกันภัยและข้อเท็จจริงเป็นรายกรณีไป ซึ่งหากกรณีปรากฎว่า เข้าข้อยกเว้นอื่นใดตามกรมธรรม์ประกันภัย บริษัทสามารถช่วยเหลือผู้เอาประกันภัยหรือประชาชน โดยพิจารณาชดใช้ค่าสินไหมทดแทนในลักษณะ “ค่าสินไหมทดแทนกรุณา” ได้ ซึ่งสำนักงาน คปภ. พร้อมเป็นคนกลางเข้าร่วมเจรจากับบริษัทประกันภัย เพื่อให้ความช่วยเหลือแก่ผู้เอาประกันภัยหรือประชาชนตามความเหมาะสมต่อไป
นอกจากนี้ สำนักงาน คปภ. จะหารือร่วมกับสมาคมประกันชีวิตไทย สมาคมประกันวินาศภัยไทย ภาคธุรกิจประกันภัยรวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นระยะ เพื่อติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และกำหนดมาตรการช่วยเหลือด้านการประกันภัย เพื่อให้การเยียวยาประชาชนเป็นไปอย่างรอบด้านและทันท่วงที
สำนักงาน คปภ. ยืนยันว่า ระบบประกันภัยจะยังคงเป็นกลไกหลักในการบรรเทาความเดือดร้อนและเยียวยาประชาชนโดยจะคุ้มครอง ดูแล และชดเชยความเสียหายที่เกิดขึ้น เพื่อให้สิทธิประโยชน์ของผู้เอาประกันภัยได้รับการคุ้มครองอย่างเป็นธรรม พร้อมกำชับให้บริษัทประกันภัยเร่งดำเนินการด้วยความรวดเร็ว รอบคอบ และเป็นธรรมในการพิจารณาจ่ายค่าสินไหมทดแทนในแต่ละรายกรณี ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนมั่นใจว่าสำนักงาน คปภ. จะปฏิบัติหน้าที่ในฐานะหน่วยงานกำกับดูแลด้วยความเป็นกลาง รอบคอบ และเคร่งครัด เพื่อประโยชน์สูงสุดของประชาชนผู้เอาประกันภัย