ลาลามูฟ ชู “เศรษฐกิจแพลตฟอร์ม” ทางเลือกใหม่สร้างรายได้ในยุคดิจิทัล

ลาลามูฟเผยผลสำรวจจากพาร์ทเนอร์คนขับทั่วโลก 75% เริ่มเข้าร่วมเศรษฐกิจแพลตฟอร์ม

เพิ่มโอกาสสร้างรายได้ ชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของเวลาการทำงานที่ยืดหยุ่น

ส่งผลต่อการยกระดับคุณภาพชีวิตครอบครัว และความสมดุลระหว่างการทำงานกับชีวิตส่วนตัว

 

ลาลามูฟ แพลตฟอร์มให้บริการขนส่งด่วนและบริการรับ-ส่งผู้โดยสารแบบออนดีมานด์ เผยผลสำรวจจากพาร์ทเนอร์คนขับทั่วโลกพบว่า มากกว่า 75% ของพาร์ทเนอร์คนขับ เริ่มปรับรูปแบบการทำงานโดยการเข้าสู่เศรษฐกิจแพลตฟอร์มไปพร้อม ๆ กับการทำงานแบบดั้งเดิม สะท้อนบทบาทของแพลตฟอร์มที่ช่วยปลดล็อกโอกาสทางอาชีพใหม่ ๆ และชี้ให้เห็นว่ารูปแบบการทำงานที่ยืดหยุ่นของลาลามูฟช่วยให้พาร์ทเนอร์คนขับมีสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงาน ดูแลครอบครัว และบรรลุเป้าหมายส่วนตัวได้ดียิ่งขึ้น

 

ปัจจุบัน รูปแบบการสร้างรายได้ผ่านแอปพลิเคชันกำลังกลายเป็นเทรนด์ที่น่าจับตามอง ลาลามูฟจึงทำการสำรวจความคิดเห็นจากพาร์ทเนอร์คนขับกว่า 9,000 คน จากหลากหลายประเทศทั่วโลก เพื่อนำข้อมูลเชิงลึกจากประสบการณ์จริงของพาร์ทเนอร์คนขับไปใช้ในการพัฒนาและยกระดับแพลตฟอร์มให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการได้มากขึ้น สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของลาลามูฟที่ต้องการมีส่วนร่วมและใกล้ชิดกับชุมชนพาร์ทเนอร์คนขับเพื่อเข้าใจถึงความต้องการและสนับสนุนระบบการทำงานให้มีประสิทธิภาพต่อไป

 

เศรษฐกิจแพลตฟอร์ม พลิกโฉมตลาดแรงงาน

เศรษฐกิจแพลตฟอร์มได้กลายเป็นเทรนด์ที่โดดเด่นที่เปลี่ยนรูปแบบการจ้างงานแบบดั้งเดิม สู่การเปิดโอกาสให้ผู้คนมีอิสระในการทำงาน และมีทางเลือกในการสร้างรายได้ที่หลากหลายยิ่งขึ้น สำหรับประเทศไทยพบว่า 35% ของพาร์ทเนอร์คนขับลาลามูฟเคยทำงานประจำในออฟฟิศมาก่อน และอีก 19% มาจากภาคขนส่งหรือโลจิสติกส์ สะท้อนให้เห็นว่าการทำงานบนแพลตฟอร์มกำลังกลายเป็นทางเลือกใหม่สำหรับอดีตพนักงานออฟฟิศและผู้ที่ต้องการบริหารเวลาและรายได้ด้วยตนเอง

 

ขยายโอกาส สร้างทางเลือกในการหารายได้อย่างอิสระ

การเป็นพาร์ทเนอร์คนขับกับลาลามูฟเปิดโอกาสให้ผู้คนจัดสรรเวลาทำงานได้อย่างอิสระตามแนวโน้มที่กำลังเปลี่ยนไปทั่วโลก โดยจากข้อมูลล่าสุดชี้ให้เห็นว่า 65% ของพาร์ทเนอร์คนขับเลือกทำงานกับลาลามูฟเพราะความยืดหยุ่นในการจัดตารางเวลา และอีก 47% ใช้ความยืดหยุ่นนี้เพื่อสร้างรายได้ควบคู่กับการดูแลครอบครัว ด้วยระบบที่ไม่มีข้อกำหนดเรื่องจำนวนชั่วโมงที่ต้องทำงานต่อวัน ส่งผลให้พาร์ทเนอร์สามารถทำงานและใช้ชีวิตได้อย่างสมดุล ตอบโจทย์แนวคิดการทำงานยุคใหม่ และช่วยเสริมศักยภาพของตลาดขนส่งให้เติบโต

 

เสริมสร้างความมั่นคงทางการเงินให้ครอบครัว

ข้อมูลจากผลการสำรวจล่าสุดยังพบว่า 63% ของพาร์ทเนอร์คนขับใช้ลาลามูฟเป็นช่องทางสร้างรายได้เสริม ซึ่งมีส่วนช่วยสร้างเสถียรภาพทางการเงินและยกระดับคุณภาพชีวิตของครอบครัว โดยไม่ใช่แค่ตัวพาร์ทเนอร์คนขับเท่านั้นที่ได้รับประโยชน์ แต่ยังส่งผลดีต่อคนในครอบครัวอีกด้วย เนื่องจากกว่า 63% ของพาร์ทเนอร์มีครอบครัว และกว่า ใน มีบุตรที่ต้องดูแล ความยืดหยุ่นของแพลตฟอร์มลาลามูฟช่วยทำให้พวกเขาสามารถจัดสรรเวลาให้กับครอบครัวได้อย่างลงตัว ทั้งการรับ-ส่งบุตรไปโรงเรียน หรือทำภารกิจส่วนตัว พร้อมสร้างรายได้ไปพร้อมกัน สะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนว่าลาลามูฟมีบทบาทสำคัญในการช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของทั้งพาร์ทเนอร์คนขับและครอบครัวให้ดียิ่งขึ้น

 

คุณกัญยาณัฐ ฉายงาม พาร์ทเนอร์คนขับจาก ลาลามูฟ ประเทศไทย กล่าวว่า “เมื่อเทียบกับงานประจำที่เคยทำ ปัจจุบันมีอิสระทั้งในการทำงานและการใช้ชีวิตมากขึ้น สามารถใช้เวลากับครอบครัวได้เต็มที่ ซึ่งถือเป็นความสุขที่แท้จริง นอกจากนี้ การร่วมงานกับลาลามูฟยังช่วยเพิ่มรายได้ ทำให้สามารถดูแลค่าใช้จ่ายของครอบครัวได้ครบถ้วน และมีอิสระทางการเงินมากขึ้นอีกด้วย”

 

เพื่อตอกย้ำบทบาทสำคัญของพาร์ทเนอร์คนขับ ลาลามูฟเตรียมเปิดตัวแคมเปญ “Heroes Behind The Wheel” รวบรวมเรื่องราวความสำเร็จและแรงบันดาลใจจากพาร์ทเนอร์คนขับหลากหลายประเทศ ถ่ายทอดมุมมองและประสบการณ์จริงของพวกเขา เพื่อยกย่องว่าพาร์ทเนอร์คนขับลาลามูฟไม่เพียงแต่ขับเคลื่อนธุรกิจ แต่ยังขับเคลื่อนชีวิตของผู้คนและชุมชนให้ก้าวไปข้างหน้า

 

นายเบน ลิน กรรมการผู้จัดการ ลาลามูฟ ประเทศไทย กล่าวว่า “เบื้องหลังการจัดส่งทุกออร์เดอร์ของลาลามูฟ คือความทุ่มเทของพาร์ทเนอร์คนขับ ที่มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจ SME และสร้างการเติบโตให้ชุมชน ความมุ่งมั่นของพวกเขาไม่ได้หยุดแค่การให้บริการขนส่งสินค้า แต่ยังช่วยสร้างความมั่นคงให้ครอบครัว และทำให้ความฝันของตัวเองเป็นจริง ลาลามูฟจะเดินหน้าพัฒนาแพลตฟอร์มอย่างต่อเนื่อง เพื่อสนับสนุนให้พาร์ทเนอร์คนขับประสบความสำเร็จทั้งในชีวิตส่วนตัวและการทำงานไปพร้อมกัน”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *