ธ.ก.ส. จัดมาตรการเร่งด่วนช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย -กัมพูชา ด้วยสินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายฉุกเฉิน 2568 วงเงินรายละไม่เกิน 50,000 บาท ดอกเบี้ย 0% 6 เดือนแรกและสินเชื่อฟื้นฟูและพัฒนาคุณภาพชีวิต วงเงินรายละไม่เกิน 500,000 บาท ดอกเบี้ย MRR – 2 พร้อมให้การช่วยเหลือในด้านต่าง ๆ อย่างเต็มที่
นายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย – กัมพูชา อันส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของประชาชน รวมถึงเกษตรกรลูกค้าโดยตรงทั้งด้านชีวิตและทรัพย์สิน รวมถึงพื้นที่ในการประกอบอาชีพ เพื่อเป็นการช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนดังกล่าว ธ.ก.ส. จึงจัดมาตรการเร่งด่วน เพื่อดูแลและบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ลูกค้าเบื้องต้น ผ่านมาตรการเสริมสภาพคล่องและฟื้นฟูให้ลูกค้า เพื่อสนับสนุนให้เกษตรกรลูกค้าที่ได้รับความเดือดร้อนสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนอัตราดอกเบี้ยต่ำในการนำไปสร้างหรือซ่อมแซมที่อยู่อาศัย โรงเรือนการเกษตร เครื่องมือ เครื่องจักรกลการเกษตร รวมถึงการฟื้นฟูการผลิตที่ได้รับความเสียหายจากความไม่สงบดังกล่าว ประกอบด้วย 1) โครงการสินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายฉุกเฉิน ปี 2568 เพื่อเสริมสภาพคล่องเกษตรกรในด้านค่าใช้จ่ายทั่วไป เช่น ค่าอุปโภคและบริโภคที่จำเป็น อัตราดอกเบี้ย 0% นาน 6 เดือนแรก เดือนที่ 7 เป็นต้นไป คิดอัตราดอกเบี้ย MRR (ปัจจุบัน MRR เท่ากับ 6.725%) วงเงินกู้รายละไม่เกิน 50,000 บาท ผ่อนชำระไม่เกิน 3 ปี 2) โครงการสินเชื่อฟื้นฟูและพัฒนาคุณภาพชีวิต เพื่อเป็นค่าลงทุนในการซ่อมแซมบ้านเรือนและทรัพย์สิน ค่าซ่อมเครื่องมือและอุปกรณ์การเกษตรที่ได้รับความเสียหายจากภัยพิบัติ รวมถึงเป็นค่าใช้จ่ายในการทำการเกษตรรอบใหม่ วงเงินรายละไม่เกิน 500,000 บาท อัตราดอกเบี้ย MRR-2 ผ่อนชำระนานสูงสุด 15 ปี
ทั้งนี้ ธ.ก.ส. ขอแสดงความห่วงใยต่อประชาชนและลูกค้าเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบในบริเวณพื้นที่ชายแดนไทย – กัมพูชา โดยพร้อมอยู่เคียงข้างและให้การช่วยเหลือในด้านต่าง ๆ อย่างเต็มที่ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน และขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่านผ่านพ้นสถานการณ์นี้ไปได้ และหลังจากสถานการณ์คลี่คลาย ธ.ก.ส. จะดำเนินการลงพื้นที่สำรวจความเสียหายของที่อยู่อาศัย ทรัพย์สินและพื้นที่การเกษตรของลูกค้า เพื่อวางแนวทางในการให้ความช่วยเหลือต่อไป สำหรับเกษตรกรผู้ได้รับผลกระทบสามารถแจ้งความประสงค์ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปที่ ธ.ก.ส. ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Call Center 02 555 0555 ตลอด 24 ชั่วโมง